เมื่อพูดถึงการสร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กร ผู้ใหญ่ที่เคารพเคยสอนผมว่า มีสามสิ่งที่เราต้องใส่ใจหากต้องการพัฒนาเรื่องใดๆก็ตาม สามสิ่งนั้นคือ คน-ระบบ-บริบท...
ท่านยังได้สั่งสอนผมอีกว่าเมื่อใดก็ตามที่เรามีองค์ประกอบครบทั้งสามอย่าง การเติบโตก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดจะเกิดขึ้นในที่ที่มีความครบถ้วนขององค์ประกอบทั้งสาม
แต่ในชีวิตจริงเรามักจะพบว่าไม่บ่อยครั้งนักที่จะหาช่วงเวลาที่องค์ประกอบทั้งสามนั้นครบสมบูรณ์ในองค์กรไหนๆ
ที่เราพบมักจะมีสักหนึ่งหรือสองอย่างที่มี ที่เหลือยังขาดอยู่ ไม่ครบถ้วน หรือกำลังพัฒนา...
เมื่อเรามองลงในองค์ประกอบทั้งสามรายตัว เพื่อจะคาดการณ์ถึงสภาพความเจริญเติบโตที่เกิดขึ้น..ผู้ใหญ่ที่เคารพได้บอกใบ้ผมไว้ว่า
คน...คือองค์ประกอบที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในบรรดาองค์ประกอบทั้งหมด เพราะว่า...
หากเรามี คน เราก็มีพลังมากพอที่จะสร้างความเจริญให้เกิดขึ้นได้
หากเรามี คน เราก็สามารถควบคุมองค์ประกอบทั้งสองที่เหลือได้
หากเรามี คน เราก็จะสามารถสร้างความมั่นคงแบบยั่งยืนได้
เมื่อเราหันมามองบ้านเมืองในวันนี้ เรากลับพบว่าองค์ประกอบที่เหลือทั้งสอง (ระบบ+บริบท) มีการเจริญเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
เราพบว่าการมีส่วนร่วมภาคประชาชนมีมากที่สุดในยุคหนึ่งทีเดียว(บริบทดี)
เราพบว่ากฏหมาย ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ต่างๆที่ใช้ในการควบคุมเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักการเมือง เอกชน มีความยุติธรรมที่เข้มข้นเป็นที่น่าพึงพอใจ (ระบบดี)
แต่เรากลับขาดคนที่มีคุณภาพ ทำเพื่อชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
เราพบเห็นคนที่มีฝีปากกล้า แต่อ่อนล้าในฝีไม้ลายมือเชิงบริหาร
เราพบเห็นคนที่ขยันเอาเรื่องที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือมาพูด
เราพบเห็นคนที่ขยันเอากระพี้ของปัญหามาทำ แทนที่จะจัดการกับแก่นของปัญหา เพื่อสร้างความเจริญแบบยั่งยืน
ผมเสียดายแทนประเทศไทยที่ความเจริญของประเทศจะต้องฝากไว้กับคนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้....